เมื่อวานนี้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ
ความสำคัญของ Input และ Output ในชั้นเรียนค่ะ
เรื่องนี้ผู้เขียนอัดอั้นตันใจมาตั้งแต่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น1ปี〜กลับมาไทยแล้ว
อยากพูดมาก แต่ไม่ใช่คนพูดรู้เรื่องเท่าไหร่ สงสารคนฟัง
เปลี่ยนมาเขียนแทนอาจจะรู้เรื่องกว่า(มั้ง)55
จะเป็นแนวๆ เล่าประสบการณ์ชีวิตการเรียนนะคะ
ช่วงเรียนอยู่ที่ญป.เพื่อนที่อยู่ไทยชอบคิดว่า
"เรียนที่ญปสบาย กินดีอยู่ดี ชิว ไปเที่ยวอัพรูปลงSNS เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ"
จริงๆ ที่ลงSNSคือ ส่วนที่แฮปปี้เท่านั้นแหละค่ะ
ส่วนSufferของชีวิตน่ะ คนเขาไม่ค่อยลงกันหรอกจริงไหม55
credit goes to มุนินฺ https://www.facebook.com/cartoonmunin/photos/ a.370565899444.154831.370287299444/10155263503589445/?type=3&theater |
เข้าเรื่องเลยแล้วกัน...
ความSufferของผู้เขียนเกิดจากความไม่เคยชินกับการต้อง Output เยอะๆค่ะตอนเรียนอยู่ที่ไทย เราเคยชินกับการเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว
Input ข้อมูลเข้าไปเยอะๆๆๆๆๆ
เหมือนเวลาลง Application อันไหนน่าสนใจ ดูมีประโยชน์ก็ Install ลงเครื่องหมด
มันก็มีประโยชน์เวลาเราต้องการใช้งานนะ
แต่พอ Install ไปเยอะๆ แล้วไม่ค่อยได้เอามาใช้งาน
มันก็จะเกิดเหตุการณ์อย่าง
"อ้าว App นี้ใช้ยังไงนะ" "เอาไว้ใช้ทำอะไรนะ"
สุดท้ายก็ใช้ไม่เป็น หรือ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้วิธีใช้รึเปล่า55
มหาลัยเป็นที่ๆ เรารับอาหารสมองมาก
เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ผ่านการป้อนข้อมูลใหม่เข้าไปทุกวันๆ
แต่ผู้เขียนรู้สึกว่า
น่าเสียดายที่โอกาสที่เราจะได้ Output ข้อมูลที่เราอุตส่าห์ Input เข้าไปเยอะแยะเนี่ย
มันค่อนข้างน้อยไปสักนิด
เมื่อเทียบกับที่มหาลัยที่ญปแล้ว
เรายังให้ความสำคัญกับ Output ค่อนข้างน้อยค่ะ
ยกตัวอย่าง
ชั้นเรียน Japanese Writing (ที่ไทย)
เราไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเขียนอะไรยาวเป็นหน้าๆ หรือเขียนเปเปอร์/รายงาน
ส่วนมากจะเป็นลักษณะให้แต่งประโยคด้วยคำหรือสำนวนที่กำหนดให้เสียมากกว่า
ที่สำคัญคือ เราไม่ค่อยได้รับโจทย์ปลายเปิด ซึ่งเปิดโอกาสให้เราได้สร้างสรรค์งาน
นำความรู้ศัพท์และไวยากรณ์ที่เรียนไปใช้เขียนงานอย่างอิสระ
เนื่องจากเป็นวิชา Skill น่าจะเน้นให้ผู้เรียนรู้จักวิธีการเขียนไปพร้อมๆกับการลงมือทำด้วยตนเองเยอะๆ
ชั้นเรียน Japanese Conversation (ที่ไทย)
เราไม่ค่อยได้พูดอะไรยาวๆหน้าชั้น ส่วนมากจะเป็นลักษณะเขียนสคริปต์จำไปพูดสั้นๆ 2-5 นาที
การนำเสนอหน้าชั้นโดยมีสคริปต์ก่อน ช่วยให้เรารู้จักดำเนินงานเป็นระบบแบบแผน
แต่ก็มีข้อเสียเปรียบคือ เราจะไม่ได้ฝึกรับมือสถานการณ์เฉพาะหน้า
เช่น การรับส่งข้อมูล ถาม-ตอบ มีปฏิสัมพันธ์กับคนฟัง (อาจเจอคำถามที่ไม่คาดคิด)
Impromptu Speech (การพูดสปีชสด) มีบ้างแต่น้อย
ถ้ามีหลายครั้งน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจในการพูด
และช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ผู้เรียนได้มากขึ้น
Debates (การโต้วาที) และDiscussion ภาษาญป มีบ้างแต่น้อย
ช่วยให้เราได้ฝึกคิดและพูดนำเสนอความคิดเห็น ณ ตรงนั้น
น่าจะดีต่อการฝึก Output (พูด)
ที่มหาลัยไทยโอกาสที่เราจะได้ Output เยอะๆจริงๆคือ ตอนสอบ
การสอบคือ การวัดปริมาณ Output และความเข้าใจในเนื้อหาของผู้เรียน
ตลอด 1 เทอม Input อะไรเข้าไป เอาออกมาให้หมด
ใครเอาออกมาได้เยอะ
แสดงให้เห็นว่า"ฉันเข้าใจสิ่งที่เรียนไปนะ" "ฉันนำสิ่งที่เรียนไปใช้ได้นะ" คะแนนก็จะดีเอง
หลังจากนั้น เรื่องได้เรียนรู้จริงๆหรือไม่
พอเวลาผ่านไป ยังสามารถ Output ข้อมูลนั้นได้อีกไหมนั้นก็เป็นเรื่องของผู้เรียน
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
อ่านมาถึงตรงนี้ก็เริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมว่า
แล้วที่มหาลัยที่ญี่ปุ่นเขาให้นร.ต่างชาติเรียนอะไร??
https://search.yahoo.co.jp/image/search?p=テスト勉強+イラスト&ei=UTF-8&rs=1 |
คลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นเลเวล9ของ มหาลัยD (นามสมมุติ) ที่เคยเรียนค่ะ
เลเวล9เป็นเลเวลสูงสุดของคลาสที่มหาลัยDจัดให้
(เลเวลI初級〜IX超上級)แบ่งละเอียดยิบ...
แต่บอกไว้ก่อนว่าผู้เขียนไม่ใช่เด็กเรียนดีเลิศอะไรนะคะ
ถ้าเรียนเก่งมากคงไม่ suffer กับการเรียนเหมือนที่กำลังจะเล่าหรอก55
เทอมแรกผู้เขียนสอบวัดระดับของมหาลัย (Placement Test) ได้เทียบเท่าเลเวล8
เลยได้เรียนคลาสเลเวล8 พอจบเทอมมีสอบวัดระดับอีกครั้ง
คราวนี้เขาจะพิจารณาคะแนนสอบวัดระดับร่วมกับคะแนนสอบประจำเลเวลด้วย
ปรากฎว่าคะแนนเราผ่านเกณฑ์ อ.เลยถามว่าเทอมหน้าอยากไปเรียนเลเวล9ไหม
"แต่บอกไว้ก่อนว่าเลเวล9ไม่เหมือน8แล้วนะ
เขาจะเน้น Output มากกว่า Input
มันเป็นเวลาที่เธอต้องเอาสิ่งที่สะสมอยู่ในหัวออกมาใช้ให้ดีที่สุดเข้าใจไหม"
อาจารย์ทิ้งท้ายไว้ประมาณนี้...
ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดเท่าไหร่
Output เยอะ มากกว่า Input?
ตอนเรียนเลเวล 8 ที่ผ่านมายังไม่เรียกว่าเยอะหรอ?
จำได้ว่าตอนนั้นคิดนานนะ
เรารู้ว่าเลเวล8สำหรับเราตอนนั้นมันเหมือน Comfort Zone
เรียนได้โดยไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรนัก
แค่นั่ง Input ทุกวันๆ Output แค่ตอนแต่งประโยคกับตอนสอบเท่านั้น(ค่อนข้างชิว)
แต่ก็อยากรู้ อยากลองว่า
เลเวล9ที่อ.บอกว่า เขาเน้น Output มากกว่า Input มันเป็นยังไง
มาถึงญปทั้งทีก็อยากลองสิ่งที่ยากขึ้น challenging โอกาสมาแล้วก็ต้องจับไว้
สุดท้ายก็ตัดสินใจไปต่อเลเวล9ค่ะ
ーーーーーーーーーーーーーーーー
คลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นเลเวล9
(地獄の) IXレベル日本語総合 ของ D大
▶︎เนื้อหารายวิชา◀︎
ไวยากรณ์ระดับ N1 และ級外(มีบ้าง)
บทอ่าน/สำนวนภาษา/คำศัพท์ จากหนังสือ『人文科学と日本語の接点』
Discussion เกี่ยวกับหัวข้อข่าว (ในวันที่มีpresentationทุกครั้ง)
บทอ่าน/สำนวนภาษา/คำศัพท์ จากหนังสือ『人文科学と日本語の接点』
Discussion เกี่ยวกับหัวข้อข่าว (ในวันที่มีpresentationทุกครั้ง)
▶︎การบ้าน/งานที่ได้รับมอบหมาย◀︎
①แต่งประโยคโดยใช้รูปไวยากรณ์ที่เรียน(短文作成)
①แต่งประโยคโดยใช้รูปไวยากรณ์ที่เรียน(短文作成)
②เขียนเปเปอร์1หน้าA4 (ห้ามพิมพ์) เกี่ยวกับหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย(発展学習)
ไม่กำหนดรูปไวยากรณ์/สำนวนที่ใช้เขียน สัปดาห์เว้นสัปดาห์
ตัวอย่างหัวข้อ:
・あなたの母語では敬語がどのように使われるか、簡単にまとめなさい。
・自分の国で村上文学はどのように評価されていますか。
・交通網の発展のプラス面・マイナス面を教えてください。
・日本語の特技は何だと思いますか。
ส่งงานไปสัปดาห์แรก อ.ก็ feedback มาด้วยประโยคนี้ค่ะ //เงียบกริบ555
「(間違いだらけの文法を見て)皆さん、IXレベルですよ。反省してください。」
ไม่กำหนดรูปไวยากรณ์/สำนวนที่ใช้เขียน สัปดาห์เว้นสัปดาห์
ตัวอย่างหัวข้อ:
・あなたの母語では敬語がどのように使われるか、簡単にまとめなさい。
・自分の国で村上文学はどのように評価されていますか。
・交通網の発展のプラス面・マイナス面を教えてください。
・日本語の特技は何だと思いますか。
ส่งงานไปสัปดาห์แรก อ.ก็ feedback มาด้วยประโยคนี้ค่ะ //เงียบกริบ555
「(間違いだらけの文法を見て)皆さん、IXレベルですよ。反省してください。」
"พวกเธอเลเวล9กันแล้วนะ สำนึกผิดหน่อย (ไวยากรณ์ผิดเละ งานไก่เขี่ยมากค่ะ)"
▶︎ศึกษาด้วยตนเอง◀︎
「毎週テストをします。テキストを読んできてください。」
"หนังสือเล่มนี้ไปอ่านมา เราจะสอบคันจิอาทิตย์ละครั้ง อย่าลืมเช็คตารางสอบเองด้วย"
หนังสือ 漢字学習(漢検3級レベル)
มีอยู่ครั้งลืมเช็คตารางสอบ ปรากฎวันนั้นมีสอบ
ทำไมน่ะหรอ.... ไม่ได้อ่านไปเลยค่ะ อ่านเช้านั้นเลย10นาทีก่อนสอบ ดีนะไม่ตก... T-T
▶︎สอบ◀︎
漢字テスト1 ครั้ง/สัปดาห์
Mid-term & Final เนื้อหาที่เรียนมาทั้งหมด
「毎週テストをします。テキストを読んできてください。」
"หนังสือเล่มนี้ไปอ่านมา เราจะสอบคันจิอาทิตย์ละครั้ง อย่าลืมเช็คตารางสอบเองด้วย"
หนังสือ 漢字学習(漢検3級レベル)
มีอยู่ครั้งลืมเช็คตารางสอบ ปรากฎวันนั้นมีสอบ
ทำไมน่ะหรอ.... ไม่ได้อ่านไปเลยค่ะ อ่านเช้านั้นเลย10นาทีก่อนสอบ ดีนะไม่ตก... T-T
▶︎สอบ◀︎
漢字テスト1 ครั้ง/สัปดาห์
Mid-term & Final เนื้อหาที่เรียนมาทั้งหมด
▶︎Presentation◀︎
「45分ぐらいの、ディスカッションの司会を進行してください。」
"ครูจะเปิดเวทีให้เธอคนละ 45นาที จะดำเนินการยังไงก็ได้แล้วแต่สะดวกเลยนะ"
มีไวท์บอร์ดกับปากกาให้ ไม่ให้ใช้คอมนำเสนอเพื่อความเท่าเทียมกัน
นำเสนอเดี่ยว 2 ครั้ง/เทอม ครั้งละไม่เกิน 45 นาที
นำเสนอหัวข้อข่าวนสพ.ที่น่าสนใจ
ทำหน้าที่เป็นพิธีกรคอยรับส่ง ยิงคำถาม กับผู้ฟัง
จำได้ว่า Presentation รอบแรกเละไม่เป็นท่าเลยค่ะ (; - ;)
Feedback จากทั้งอ.และเพื่อนก็ตามเนื้อผ้า...
คำถามที่เตรียมไปไม่ดีพอ+ไม่มีประสบการณ์ตรงนี้
เวลาเหลือเยอะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้...
ตอนนั้นเจ็บใจ แล้วก็เฟลกับตัวเองมาก
ฟีลแบบตัวเองเป็น ダメな人間 เฮ้ออ
รอบสองเลยเตรียม presentation ล่วงหน้าเป็นเดือนเลยค่ะ
กลัวจะเจ๊งอีก แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
คิดอย่างเดียวว่า "มันต้องดีขึ้น"
รอบนี้ขอคำแนะนำ เรียนรู้เทคนิคจากอ.ที่รู้จักกันที่เขามีประสบการณ์เป็น司会者บ่อย
ลอง工夫วิธีนำเสนอดูใหม่
สุดท้ายก็ผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย พอดี45นาทีเป๊ะ
ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่บ้าง
ครั้งนี้แม้จะไม่ใช่発表ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
แต่ก็รู้สึกว่าได้พัฒนาขึ้นกว่าครั้งก่อนแม้จะก้าวเล็กๆก็ตามค่ะ
รอบนี้มี Feedback จากเพื่อน (評価กันเอง ไม่มีชื่อ)
คอมเม้นท์ว่า "Discussion วันนี้สนุกมากๆเลย ขอบคุณนะ"
T____T
小さな一歩だが、前に進んだ(涙)
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
ช่วงหลังจากขึ้นมาเรียนห้องเลเวล9
เรา Suffer กับชีวิตมาก
เป็นครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะภาษาญี่ปุ่น รู้สึกเกินกำลัง เรียนสู้เพื่อนไม่ได้ กลัวไปหมด
เกิดความคิดอยากกลับไปเรียนเลเวล8
หลังจาก五月病体験 (ปรับตัวไม่ได้ไม่อยากไปร.ร. แต่ก็ต้องไป..) อยู่เกือบเดือน5555
เราก็เริ่มสังเกตปัญหาของตัวเอง
ส่วนคันจิที่เป็นการศึกษาด้วยตนเอง (Input อย่างเดียว) แล้วไปสอบเขียน (Output) กับ
「45分ぐらいの、ディスカッションの司会を進行してください。」
"ครูจะเปิดเวทีให้เธอคนละ 45นาที จะดำเนินการยังไงก็ได้แล้วแต่สะดวกเลยนะ"
มีไวท์บอร์ดกับปากกาให้ ไม่ให้ใช้คอมนำเสนอเพื่อความเท่าเทียมกัน
นำเสนอหัวข้อข่าวนสพ.ที่น่าสนใจ
ทำหน้าที่เป็นพิธีกรคอยรับส่ง ยิงคำถาม กับผู้ฟัง
จำได้ว่า Presentation รอบแรกเละไม่เป็นท่าเลยค่ะ (; - ;)
Feedback จากทั้งอ.และเพื่อนก็ตามเนื้อผ้า...
คำถามที่เตรียมไปไม่ดีพอ+ไม่มีประสบการณ์ตรงนี้
เวลาเหลือเยอะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้...
ตอนนั้นเจ็บใจ แล้วก็เฟลกับตัวเองมาก
ฟีลแบบตัวเองเป็น ダメな人間 เฮ้ออ
รอบสองเลยเตรียม presentation ล่วงหน้าเป็นเดือนเลยค่ะ
กลัวจะเจ๊งอีก แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
คิดอย่างเดียวว่า "มันต้องดีขึ้น"
รอบนี้ขอคำแนะนำ เรียนรู้เทคนิคจากอ.ที่รู้จักกันที่เขามีประสบการณ์เป็น司会者บ่อย
ลอง工夫วิธีนำเสนอดูใหม่
สุดท้ายก็ผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย พอดี45นาทีเป๊ะ
ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่บ้าง
ครั้งนี้แม้จะไม่ใช่発表ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
แต่ก็รู้สึกว่าได้พัฒนาขึ้นกว่าครั้งก่อนแม้จะก้าวเล็กๆก็ตามค่ะ
รอบนี้มี Feedback จากเพื่อน (評価กันเอง ไม่มีชื่อ)
คอมเม้นท์ว่า "Discussion วันนี้สนุกมากๆเลย ขอบคุณนะ"
T____T
小さな一歩だが、前に進んだ(涙)
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
ช่วงหลังจากขึ้นมาเรียนห้องเลเวล9
เรา Suffer กับชีวิตมาก
เป็นครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะภาษาญี่ปุ่น รู้สึกเกินกำลัง เรียนสู้เพื่อนไม่ได้ กลัวไปหมด
เกิดความคิดอยากกลับไปเรียนเลเวล8
หลังจาก五月病体験 (ปรับตัวไม่ได้ไม่อยากไปร.ร. แต่ก็ต้องไป..) อยู่เกือบเดือน5555
เราก็เริ่มสังเกตปัญหาของตัวเอง
ส่วนคันจิที่เป็นการศึกษาด้วยตนเอง (Input อย่างเดียว) แล้วไปสอบเขียน (Output) กับ
ส่วน短文作成 (Input รูปไวยากรณ์) แล้วเอามาใช้แต่งประโยค (Output) เราทำได้โอเค ไม่มีปัญหา
แต่
การบ้านเขียนอิสระ(発展学習)ซึ่งเป็นการ Output สิ่งที่อยู่ในหัวออกมา เขียนทีละยาวๆเยอะๆ
และDiscussion / 司会進行 ที่เราต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน เริ่มก่อน นำเสนอสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาก่อน
(เพราะว่าเคยชินกับการ Input อย่างเดียว+ความขี้อายพูดน้อยเป็นทุนเดิม
เลยนั่งนิ่งๆ ฟังคนอื่นพูดเสียเยอะ)
เรายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เราอ่อนสุดในห้อง ช่วงหลังเลยต้องพยายามให้มากขึ้น
ลองเรียนรู้การ Output (พูด) จากการสังเกตเพื่อนที่พูดเก่งๆ
จับเทคนิคแล้วลองทำตามดู ช่วงหลังๆ Feedback จากเพื่อนและครูก็ค่อยๆดีขึ้น (ใจชื้นขึ้นบ้าง....)
ส่วน Output (เขียน) ใช้วิธีอ่านงานเขียนที่ใช้ภาษาดี Input เข้าไป แล้วลองฝึกเขียนตาม
Feedback จากครูช่วงหลังมีคอมเม้นท์เรื่องไวยากรณ์ผิดน้อยลง เนื้อหาเป็นระบบระเบียบมากขึ้น
และสุดท้ายเราก็เรียนจนจบเลเวล9ออกมาได้ค่ะ เฮ~~
เกรดอาจจะไม่ได้สวยงาม A ช้วน
แต่ก็รู้สึกถึงการเติบโต 成長 น้อยๆ ของตัวเองนะ
ขอบคุณห้องเรียนเลเวล9
นรกที่โหด เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตาและเสียงถอนหายใจ
แต่ก็เป็นที่ๆได้เรียนรู้และเติบโตไปในเวลาเดียวกัน🌿
จะทำยังไงให้ตัวเอง Output ได้ดีขึ้นกันนะ??
ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน:
น่าจะต้อง Output เยอะๆ
หลายครั้งที่ความคิดของเรา(รวมสิ่งที่ Input เข้าไป) มันติดอยู่ในหัว เอาออกมาใช้ไม่ได้
ถ้าเราเปิดโอกาสให้ตัวเอง Output พูดเยอะๆ เขียนเยอะๆ
แรกๆมันอาจจะยาก ยิ่งกับคนที่ไม่ชินกับการ Output เยอะๆแบบผู้เขียน
แต่พอฝึกตัวเองไปสักพัก มันน่าจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ :)
เรายังอาจพบข้อผิดพลาดบางจุดของตัวเอง
ผ่านการสังเกต Output ของตัวเอง
การสังเกตตัวเองอาจเป็นการสังเกตผ่านบุคคลที่3
หรือ การสังเกตตัวเอง 自己モニター ก็ได้
🌻 สรุป 🌻
ทั้งหมดที่พูดมา ไม่ได้หมายความว่า Input ไม่สำคัญนะคะ
Input และ Output มีความสำคัญพอๆกันนั่นแหละ
สิ่งที่ต้องการพูดคือ ตัวผู้เขียนและผู้เรียนภาษาญปหลายๆท่านอาจจะยังขาด Output (มีไม่มากเท่าที่ควร)
ทำให้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเรียนรู้ไปถูกต้องไหม
และไม่สามารถสังเกตข้อผิดพลาดบางประการของตนเองได้ค่ะ
เมื่อ Output ออกมาแล้ว เราพบว่ามันยังไม่ดี
เรายังสามารถแก้ไข เพื่อ Input สิ่งที่ถูกต้องเข้าไปใหม่ได้
เราจึงควรให้ความสำคัญกับ Output มากขึ้นค่ะ :)
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
เกี่ยวกับวิชา Applied Japanese Linguistics ที่ผู้เขียนกำลังเรียน
App Jap Ling แตกต่างจากคลาสในมหาลัยที่เคยเรียนมาทั้งหมด
อ.ผู้สอนให้ความสำคัญกับการ Output มาก
แต่ก็ไม่ลืมเน้นให้ผู้เรียนมี Input ที่ดี
ในชั้นเรียนเราได้เรียนรู้/รู้จักการใช้ภาษาญี่ปุ่น
ผ่านการพิจารณาดู Output ของตนเองและของเพื่อน
เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนเป็น Input ที่ดี ป้อนข้อมูลกลับเข้าสมอง
วิธีนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาญี่ปุ่นของเราค่ะ👍
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
「世界中にあふれているため息と
君とぼくの甘酸っぱい挫折に捧ぐ...
"あと一歩だけ、前に 進もう"」
KOKUA PROGRESS / スガシカオ
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
แต่
การบ้านเขียนอิสระ(発展学習)ซึ่งเป็นการ Output สิ่งที่อยู่ในหัวออกมา เขียนทีละยาวๆเยอะๆ
และDiscussion / 司会進行 ที่เราต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน เริ่มก่อน นำเสนอสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาก่อน
(เพราะว่าเคยชินกับการ Input อย่างเดียว+ความขี้อายพูดน้อยเป็นทุนเดิม
เลยนั่งนิ่งๆ ฟังคนอื่นพูดเสียเยอะ)
เรายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เราอ่อนสุดในห้อง ช่วงหลังเลยต้องพยายามให้มากขึ้น
ลองเรียนรู้การ Output (พูด) จากการสังเกตเพื่อนที่พูดเก่งๆ
จับเทคนิคแล้วลองทำตามดู ช่วงหลังๆ Feedback จากเพื่อนและครูก็ค่อยๆดีขึ้น (ใจชื้นขึ้นบ้าง....)
ส่วน Output (เขียน) ใช้วิธีอ่านงานเขียนที่ใช้ภาษาดี Input เข้าไป แล้วลองฝึกเขียนตาม
Feedback จากครูช่วงหลังมีคอมเม้นท์เรื่องไวยากรณ์ผิดน้อยลง เนื้อหาเป็นระบบระเบียบมากขึ้น
และสุดท้ายเราก็เรียนจนจบเลเวล9ออกมาได้ค่ะ เฮ~~
เกรดอาจจะไม่ได้สวยงาม A ช้วน
แต่ก็รู้สึกถึงการเติบโต 成長 น้อยๆ ของตัวเองนะ
ขอบคุณห้องเรียนเลเวล9
นรกที่โหด เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตาและเสียงถอนหายใจ
แต่ก็เป็นที่ๆได้เรียนรู้และเติบโตไปในเวลาเดียวกัน🌿
https://sozai-good.com/archives/58912 |
จะทำยังไงให้ตัวเอง Output ได้ดีขึ้นกันนะ??
ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน:
น่าจะต้อง Output เยอะๆ
หลายครั้งที่ความคิดของเรา(รวมสิ่งที่ Input เข้าไป) มันติดอยู่ในหัว เอาออกมาใช้ไม่ได้
ถ้าเราเปิดโอกาสให้ตัวเอง Output พูดเยอะๆ เขียนเยอะๆ
แรกๆมันอาจจะยาก ยิ่งกับคนที่ไม่ชินกับการ Output เยอะๆแบบผู้เขียน
แต่พอฝึกตัวเองไปสักพัก มันน่าจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ :)
เรายังอาจพบข้อผิดพลาดบางจุดของตัวเอง
ผ่านการสังเกต Output ของตัวเอง
การสังเกตตัวเองอาจเป็นการสังเกตผ่านบุคคลที่3
หรือ การสังเกตตัวเอง 自己モニター ก็ได้
🌻 สรุป 🌻
ทั้งหมดที่พูดมา ไม่ได้หมายความว่า Input ไม่สำคัญนะคะ
Input และ Output มีความสำคัญพอๆกันนั่นแหละ
สิ่งที่ต้องการพูดคือ ตัวผู้เขียนและผู้เรียนภาษาญปหลายๆท่านอาจจะยังขาด Output (มีไม่มากเท่าที่ควร)
ทำให้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเรียนรู้ไปถูกต้องไหม
และไม่สามารถสังเกตข้อผิดพลาดบางประการของตนเองได้ค่ะ
เมื่อ Output ออกมาแล้ว เราพบว่ามันยังไม่ดี
เรายังสามารถแก้ไข เพื่อ Input สิ่งที่ถูกต้องเข้าไปใหม่ได้
เราจึงควรให้ความสำคัญกับ Output มากขึ้นค่ะ :)
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
เกี่ยวกับวิชา Applied Japanese Linguistics ที่ผู้เขียนกำลังเรียน
App Jap Ling แตกต่างจากคลาสในมหาลัยที่เคยเรียนมาทั้งหมด
อ.ผู้สอนให้ความสำคัญกับการ Output มาก
แต่ก็ไม่ลืมเน้นให้ผู้เรียนมี Input ที่ดี
ในชั้นเรียนเราได้เรียนรู้/รู้จักการใช้ภาษาญี่ปุ่น
ผ่านการพิจารณาดู Output ของตนเองและของเพื่อน
เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนเป็น Input ที่ดี ป้อนข้อมูลกลับเข้าสมอง
วิธีนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาญี่ปุ่นของเราค่ะ👍
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
「世界中にあふれているため息と
君とぼくの甘酸っぱい挫折に捧ぐ...
"あと一歩だけ、前に 進もう"」
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
มหาลัยของเหมียวแบ่งระดับละเอียดดีจัง ของเราแบ่งแค่ 5 ระดับแบบคร่าวๆ เราทำ placement test ได้ไปอยู่เลเวลสูงสุดเลย ไปอยู่กะพวกจีนเกาหลีเทพๆ อยากร้องไห้ คันจิยังอ่านไม่ค่อยจะออกเลย5555
ReplyDeleteแต่คิดเหมือนกันว่าอยู่ไทยไม่ค่อยมีโอกาสได้ output อะ พอเราได้ลอง output เยอะๆจริงๆที่ญี่ปุ่นเราก็ค้นพบว่า input เก่าๆที่เคยเอาเข้าไปในหัวสมัยเรียนอยู่ที่ไทยมันแย่มากอะ เราต้องปรับปรุงตั้งแต่การ input ของเราเองเลย
อ่านแล้วเป็นกำลังใจให้นะ ถ้าไม่ยอมแพ้อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น!!!!
พอไปอยู่เลเวลสูงสุด เพื่อนร่วมห้องครึ่งนึงก็คือคนที่เก่งเลเวล100แต่ไปไหนไม่ได้ต้องอยู่ใน9นี่แหละ เราง่อยสุดในห้อง5555 เรียนวิชา語彙ทีนึกว่าเรียน漢文ฮิรางานะไม่มีเลย... เคยน้อยใจที่เป็น非漢字圏อยู่คนเดียวในห้อง แต่เพื่อนก็คอยช่วยนะเวลาเราเจอคันจิยากๆ TvT
Deleteเราว่าพอเราได้ Output เหมือนได้ทดสอบอะ ว่าที่ Input เข้าไปมันใช้ได้จริงป่าว เราก็มีประสบการณ์สื่อสารภาษาญปแล้วเขาไม่รู้เรื่องบ่อยนะ5555 แต่มันก็ดีถ้าเรารู้ว่า Output ผิด จะได้แก้ที่ถูก Input ไปใหม่ไง :D
อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยย พี่เหมียวเก่งมากๆ ไม่ชินกับการ output เลยค่ะ ในวิชานี้ด้วย TT แต่ output สำคัญจริงๆค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าต้องสุ้บ้าง สู้วว :)
ReplyDeleteเหนื่อยจริง แต่ก็คุ้มค่าความพยายามนะ xD ตอนนี้เราก็ยังไม่ชินกับการ Output เยอะๆๆๆอยู่ พูดไม่เก่งเป็นทุนเดิม กว่าจะ Output อะไรออกมาได้ ใช้เวลามากกว่าคนอื่นเค้า เลยต้องพยายามมากหน่อย น้องฝ้ายก็สู้ๆนะ :)
Deleteวันจันทร์นี้หนูจะไปเรียนเลเวลสูงสุดแล้วเหมือนกัน (มหาลัย K นามสมมติ: มีแบ่ง 7 ระดับ) กลัวมากเหมือนกันเพราะมีแต่คนจีนละรู้สึกว่าเลเวลที่แล้วเราก็ไม่ได้เก่งขึ้นเลย และรู้สึกชัดมากว่าเพื่อนคนไทยด้วยกันจากทุกมหาลัยสกิล Output สุ้ประเทศอื่นไม่ค่อยได้ และรู้สึกกลัวการ Output ด้วยซ้ำ ยากอะ ;____; อยาก 成長 แบบพี่เหมียวบ้าง จะพยายามนะ :)
ReplyDeleteหนูใหม่สู้ๆ มหาลัยKก็แบ่งย่อยเหมือนกันเนาะ55555 ถ้าไม่ค่อยชินกับ Output เยอะๆ(แบบเรา)อาจจะเหนื่อยหน่อย ค่อยๆปรับตัวไปแหละ ใหม่ทำได้ เป็นกำลังใจให้นะ เพิ่งคุยกับนิ้งไม่นาน นิ้งก็เครียดเรื่องเรียนอยู่เหมือนกัน สู้ๆทั้งคู่เลย :))
DeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDeleteお疲れ様นะคะพี่เหมียว TvT ตอนของหนู แบ่งเป็นแค่ 3 เลเวลเองง่ะ ของเวล 3 ไม่ว่าจะวิชาConverหรือเนื้อหา ก็Discussionกระจุยมากๆ ตอนไปแรกๆเหนื่อยและเครียดมาก ไม่ชินเลยค่ะแล้วเราก็จะเงียบสุดในห้อง อ.ก็จะจับตามอง... มักจะโดนถามว่า ไม่สบายเหรอทำไมไม่พูด OTL
ReplyDeleteแต่พอผ่านไปได้ก็เริ่มรู้สึกสนุกไปกับมันนะ มองเพื่อนรอบตัวละแบบ คนอื่นเค้าก็ไม่ได้แกรมม่าเป๊ะปัง เค้ายังกล้าพูดกันเลย ทำไมเราจะไม่พูดล่ะ?
รู้สึกว่า สิ่งที่ได้จากญี่ปุ่น มากกว่าสกิลคือความหน้าด้านยังไงก็ไม่รูู้ค่ะ 5555 แต่มันก็สบายใจดีนะคะ 5555 (นี่คือดีรึเปล่านะ 5555)
ชอบเวลามี Discussion นะถึงแม้มันจะเหนื่อยก็ตาม เพราะหนูรู้สึกว่าตัวเองได้เพราะโดนบังคับดิสคัสนี่แหละ... ฮือ...
น้องกระต่ายย キナコちゃん(?)เราก็เงียบสุดในห้อง เพราะหัวช้าตามไม่ทัน... กว่าจะคิดกลั่นออกมาเป็นคำพูด เค้าก็เปลี่ยนเรื่องกันแล้ว เพื่อนก็มองแรง แบบ..นี่จะไม่ออกความเห็นอะไรหน่อยหรอ T_T ดีนะที่น้องมิ้นเริ่มรู้สึกสนุกกับมัน ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี :) เราว่าตอนอยู่ไทยเราชินกับสภาพแวดล้อมที่ทุกคนนั่งเลคเชอร์เงียบๆ Input รัวๆ ไม่ค่อยแชร์ความคิดเห็นกันด้วยแหละ ตอนไปอยู่ญปใหม่ๆเลย shock 55
Deleteสำหรับเราไปญปกลับมารู้สึกว่าสกิลพูดตัวเองไม่ได้อัพมากเท่าไหร่ แต่รู้สึกมั่นใจที่จะพูดมากขึ้นนะ
ปกติไม่ใช่คนที่จะยกมือถามอาจารย์ในห้องอะ ขี้อายด้วยมั้ง (._.) แต่ตั้งแต่กลับมาก็กล้า(สกิลหน้าด้าน)มากขึ้นนะ5555
อ่านแล้วเหนื่อย ลาก่อย555 ฮิโรชิม่าที่ไปคือชิวระดับสูงสุด เหมือนไปพักผ่อน 4 เดือน
ReplyDeleteฮิโรได้ได้ยินว่าเค็งคิวเข้มนะ55
Deleteของ ม. เราดูไม่โหดเท่านี้ อาจจะเพราะว่ามีทั้งวิชาภาษาและวิชาเค็งคิว แต่วิชาภาษาเอง อาจารย์ก็จะพยายามให้ output พอสมควรเลย เราก็เห็นด้วยว่าการได้ output เป็นเรื่องสำคัญ เพราะทำให้เรารู้ตัวเลยว่าเราประมวลผลสิ่งที่เรียนไปได้หรือยัง นำมาใช้จริงได้หรือยัง ถ้า output ได้ไม่ดีหรือใช้ภาษาไม่ถูกต้องก็อาจจะทำให้สื่อสารกันไม่รู้เรื่องในชีวิตจริง
ReplyDeleteหลายเรื่องที่เรา Input ไป พอได้ลอง Output จริงๆแล้ว ถึงรู้ว่าตัวเองใช้ไม่เป็น หรือ ไม่เข้าใจจริงๆ (ที่ผ่านมาเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเข้าใจ) มีเหมือนกันที่ Output ไม่ดีแล้วอีกฝ่ายงง通じない5555
Deleteนิสิตคุยกันเรื่อง input/output แล้วดีใจจัง เหมือนนิสิตได้นำมาคิดต่อ มีตั้ง 12 comments แน่ะ ความเห็นเกี่ยวกับการสอนในปท.ไทยน่าสนใจมาก อ.ในสาขาคงจะอยากทราบเพื่อจะได้นำมาพัฒนาการเรียนการสอนต่อ ได้ข้อมูลดีๆเยอะเลย ขอบคุณทุกคนนะคะ
ReplyDeleteขอบพระคุณอาจารย์ที่เปิดโอกาสให้พวกหนูได้แสดงความคิดเห็นค่ะ :)
Deleteเหยยย คือฮันไดคือมันแบ่งคร่าวๆมากๆอะ คือเด็กโปรแกรมเดียวกันทุกคนมันก็แอดวานซ์หมด เราเลือกลงวิชาสกิลภษญปให้ได้เท่าที่เค้ากำหนดขั้นต่ำ เพราะรู้สึกว่าวิชาแบบเซมิความรู้มันสำคัญกว่าเลยลงดะไปเลย นอกจากอินพุทที่ได้แล้วคือ เอ้าท์พุทเราต้องไฝว้ด้วยตัวเอง เราว่าเราลงแปลกจากคนอื่นไปเยอะมากๆ ลองทุกแนวภาษาศาสตร์ วัฒนธรรม วรรณคดี ได้เอ้าท์พุทเยอะมาก ดิสคัสแบบสนุกมาก โต้กันไปกันมา เกรดเราก็Sเกือบช้วนนะ ติดAมาตัวนึง วิชาวัฒนธรรมเอโดะแนวคติชน เราชอบม.ตัวเองตรงเด็กริวคือแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ เพื่อนร่วมคลาสเด็กเกาหลีเก่งมากก มีเด็กเคมบริดจ์ด้วยสนุก คือภษญปก็เป๊ะ เราว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเหมียวเงียบๆด้วยรึเปล่าตามนิสัย แต่ไม่เป็นไร ของแบบนี้ถ้าชินกับสภาพแวดล้อมแล้วเหมียวทำได้อยู่แล้วแหละ
ReplyDeleteของเราไม่มีกำหนดขั้นต่ำอะ ลงเท่าไหร่ก็ได้ เราชอบวิชาสกิลเลยลงเกือบหมดทุกตัว เนื้อหาเน้นลงพวกสายวัฒนธรรม/芸術 วิชาส่วนมากก็มีดิสคัชชั่นหมด แต่วิชา総合ที่เลือกมาเขียนเพราะมันToughสุดสำหรับเรา ส่วนนึงเป็นเพราะตัวเราเองที่พูดน้อยเป็นทุนเดิม คลังศัพท์+ความรู้ทั่วไปน้อยมาก เพราะ未熟さของตัวเองกับภาษาญป ทำให้เวลาต้องดิสคัสก.ก.ปัญหาระดับนานาชาติเช่น เรื่อง密航船ในยุโรป หรือ ปัญหาว่าทำไมญี่ปุ่นไม่เข้าร่วมการประชุมสันติภาพทั้งๆที่สนับสนุนให้คนมีสันติภาพ(矛盾)เลยลำบากอะ ต้องใช้เวลาฝึกอีกเยอะ แต่จะพยายาม
Deleteสรุปได้ดีครับ ก็ว่าผมเองสงสัย output น้อย เวลาจะทำแบบนี้เลยยากทุกที คงต้องฝึก output ให้บ่อยๆแล้ว
ReplyDeletethe best blog so far.
Deleteมาพยายามกันต่อไป(๑و•̀Δ•́)و!!
Deleteสรุปได้ดีครับ ก็ว่าผมเองสงสัย output น้อย เวลาจะทำแบบนี้เลยยากทุกที คงต้องฝึก output ให้บ่อยๆแล้ว
ReplyDelete